ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจ “ดิน” ก่อน  ดิน คือ วัตถุที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติจากการสลายตัวทางกายภาพและทางเคมีของดินและแร่ รวมกับสารอินทรีย์ที่เกิดจากการสลายตัวของซากพืชซากสัตว์เป็นผิวชั้นบนที่ห่องหุ้มโลก ดินทำให้รากพืชได้เกาะยึดเหนี่ยวเพื่อให้ลำตันของพืชยืนต้นได้อย่างมั่นคงแข็งแรง เป็นแหล่งให้ธาตุอาหารเพื่อการเจริญเติบโตของพืช เป็นแหล่งที่กักเก็บน้ำ ความชื้น และเป็นแหล่งที่ให้อากาศในดินที่รากพืชใช้ในการหายใจ  เบื้องต้น "ดิน" ถูกแบ่งตามอนุภาคของดินเป็น 3 ประเภทหลักๆ คือ  ดินเหนียว ดินร่วน และดินทราย

ความเป็นกรด-ด่างของดิน คืออะไร
กรด หมายถึง สารประกอบที่มีไฮโดรเจนประกอบอยู่เมื่อละลายน้ำก็จะแตกตัวให้ไฮโดรเจนไออน (H+) (กรดในชีวิตประจำวัน เช่น น้ำส้มสายชู น้ำมะนาว น้ำอัดลม)
ด่าง หมายถึง สารประกอบจำพวกไฮดรอกไซด์ของโลหะแอลคาไลด์ ซึ่งละลายน้ำจะแตกตัว ให้ไฮดรอกไซด์ไออน (OH-) เสมอ มีรสฝาด ถูกมือลื่นคล้ายสบู่ (ด่างในชีวิตประจำวัน เช่น น้ำขี้เถ้า น้ำยาล้างจาน สบู่ แชมพู ผงฟู ผงซักฟอก)

ดินกรด หรือ ดินเปรี้ยว หรือดินเปรี้ยวจัด หรือ acid soil หมายถึง ดินที่มีระดับ pH ต่ำกว่า 7 มีวิธีการแก้ไขดินกรดโดยเติมปูนขาว หินปูนบด หรือ ใส่น้ำท่วมขังบริเวณที่เป็นกรด
ดินด่าง หมายถึง ดินที่มีระดับ pH สูงกว่า 7 มีวิธีการแก้ไขดินด่างโดยเติมอินทรีย์วัตถุหรือปลูกพืชบำรุงดิน ระดับความรุนแรงกรด-ด่างของดิน

 
การวัดความเป็นกรด-ด่างของดิน
วิธีที่นิยมมี 2 วิธีคือ
  • วัดด้วยเครื่องวัดทีเรียกว่า pH Meter หลักการ คือ เปรียบเทียบค่าความต่างศักย์ระหว่าง glass electrode กับ reference electrode ค่าความต่างศักย์ที่ได้จะถูกเปลี่ยนเป็นหน่วย pH
  • การวัดด้วยน้ำยาเปลี่ยนสี (Indicator) น้ำยาเปลี่ยนสีจะเปลี่ยนสีไปตาม pH ของดินที่เปลี่ยนไป เช่น ชุดตรวจวิเคราะห์ความเป็นกรด-ด่างของดิน ของภาควิชาปฐพีวิทยา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
(หน่วยงานที่ให้บริการวัดค่าความเป็นกรด-ด่างของดิน แบบมีค่าใช้จ่าย : ฝ่ายเทคโนโลยีการเกษตร (ฝทก.) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) โทร. 02-577-9280 ถึง 1)

ดินที่เป็นกรดจัด มีผลเสียอย่างไร
ดินกรด หรือ ดินเปรี้ยว จัดอยู่ในประเภทดินที่มีปัญหาทางด้านการเกษตร คือ เป็นดินที่มีคุณสมบัติทางกายภาพและเคมี ไม่เหมาะสมต่อการเพาะปลูก คือดินที่มีกรดกำมะถันมากพอที่จะกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติในดิน และส่งผลต่อพืชในบริเวณนั้น พืชจึงไม่สามารถเจริญเติบโตและให้ผลผลิตตามปกติได้ ดินกรด หรือ ดินเปรี้ยว จึงมีผลเสียต่อพืชดังนี้
  • ธาตุบางอย่างจะละลายน้ำในดิน (ที่มีสภาพเป็นกรด) ได้ดีขึ้น ทำให้พืชดูดธาตุนี้เข้าไปในราก-ต้น จนทำให้เกิดเป็นพิษต่อพืช โดยเฉพาะอลูมิเนียม จะทำให้รากพืชถูกทำลาย/ไม่เจริญเติบโต และแมงกานีส ใบมีจุดสีเหลือง-น้ำตาล
  • ในขณะเดียวกัน ทำให้ธาตุอาหารบางอย่างละลายน้ำในดินได้น้อยลงหรือถูกชะล้างไป เช่น ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โปแตสเซียม แมกนีเซียม 
  • จุลินทรีย์ดินที่ชอบ/ทนสภาพความเป็นกรดจะเพิ่มจำนวน จุลินทรีย์ที่ไม่ทนกรดจะลดจำนวน-ตาย (ไรโซเบียมที่ตรึงไนโตรเจน โดยเกิดเป็นปมที่รากของพืชตระกูลถั่ว) 
ดินเป็นกรด แก้ไขอย่างไร
  • ควรใช้หลายมาตรการประกอบกัน คือ 
    ใช้โดโลไมท์ เพื่อลดความเป็นกรดในดิน เป็นวิธีการที่สมบูรณ์ที่สุดและใช้ได้ผลมากในพื้นที่ซึ่งดินเป็นกรดจัดรุนแรง และถูกปล่อยทิ้งเป็นเวลานาน
  • ลดการใช้ปุ๋ยเคมี โดยเฉพาะปุ๋ยไนโตรเจน
  • ระบายน้ำที่มีความเป็นกรดสูงออกจากแปลง แล้วขังน้ำใหม่ ที่มีสภาพความเป็นกรดน้อยกว่าแทน
  • ควบคุมระดับน้ำใต้ดิน เพื่อป้องกันการเกิดกรดกำมะถัน จึงต้องควบคุมน้ำใต้ดินให้อยู่เหนือชั้นดินเลนที่มีสารไพไรท์อยู่ เพื่อมิให้สารไพไรท์ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนหรือถูกออกซิไดซ์
  • ใช้น้ำชะล้างความเป็นกรด เมื่อล้างดินกรดให้คลายลงแล้วดินจะมีค่า pH เพิ่มขึ้นอีกทั้งสารละลายเหล็กและอลูมินั่ม ที่เป็นพิษเจือจางลงจนทำให้พืชสามารถเจริญเติบโตได้ดี โดยเฉพาะถ้าหากใช้ปุ๋ยไนโตรเจนและฟอสเฟตก็สามารถให้ผลผลิตได้


อ้างอิง : http://www.cpiagrotech.com/category/knowledge/